*37710 พระครูโพธิคุณาธาร (หลวงพ่อพวง กิตฺติสทฺโธ พิจิตร 53

ประวัติ พระครูโพธิคุณาธาร (หลวงพ่อพวง กิตฺติสทฺโธ) โดยสังเขป

นามเดิม พวง นามสกุล พุฒดี

เกิดเมื่อวัน พุธ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๓ ปี มะแม ตรงกับวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๐

บิดา พุ่ม มารดา ตลุ่ม นามสกุล พุฒดี

เกิดที่ หมู่ ๒ ต.ไผ่ท่าโพ อ.โพทะเล (ในสมัยนั้น ปัจจุบัน เป็น อ.โพธิ์ประทับช้าง) จ.พิจิตร

มีพี่น้อง ๔ คน คือ

๑. นาย พวง พุฒดี ( พระครูโพธิคุณาธาร)

๒. นายฉุย พุฒดี (ถึงแก่กรรมแล้ว)

๓. นายชั้น พุฒดี (ถึงแก่กรรมแล้ว)

๔. นายอำนาจ (ต่วม) พุฒดี (ถึงแก่กรรมแล้ว)

ก่อนที่ท่านจะได้อุปสมบท ท่านได้ทำหน้าที่อุปการระเลี้ยงดูน้อง ๆ มาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เพราะบิดา มารดา ของท่านได้เสียชีวิต ตั้งแต่ท่านยังอยู่ในเยาว์วัย ประกอบอาชีพเป็นชาวนา ด้วยความอุตสาหะบากบั่นเพราะฐานะยังยากจนลำเค็ญ จวบจนย่างเข้าวัยอุปสมบท ท่านจึงได้คิดอุปสมบท เพื่อทดแทนคุณบิดา มารดา โดยมี หมอพัน สังขพงค์ มีศักดิ์เป็นน้าชายนำไปอุปสมบท ณ วัดท่าหลวง การอุปสมบท ซึ่งในการบวชก็ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากมาย แบบโกณหัวเข้าวัดเลยซึ่งถือว่าเป็นการประหยัดดี น่าจะถือเอาเป็นแบบอย่างทีเดียว

อุปสมบท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ อายุ ๒๑ ปี ณ พระอุโบสถ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร

พระอุปัชฌาย์ พระศีลธรารักษ์ (ยิ้ม) เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร

พระกรรมวาจาจารย์ พระมหาเม้า พระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์หม้อ

ได้ฉายาว่า กิตฺติสทฺโธ

หลังจากที่อุปสมบทแล้ว ได้กลับมาจำพรรษา ณ วัดไผ่ท่าโพใต้ ซึ่งมี เจ้าอธิการสิน พูลทรัพย์ เป็นเจ้าอาวาส ในสมัยนั้นที่ วัดไผ่ท่าโพใต้ ยังไม่มีการศึกษาด้านพระธรรมวินัย และไม่มีสำนักเรียนพระปริยัติธรรม ครั้นต่อมา หลวงพ่อพวง ได้เดินทางไปศึกษาพระธรรมวินัย ณ วัดบางตาหงาย บ้านส้มเสี้ยว อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เป็นเวลา ๓ พรรษา หลังจากนั้นได้กลับมาจำพรรษา ณ วัดไผ่ท่าโพใต้ ครั้นต่อมา ได้สอบนักธรรม ชั้น ตรี ตามลำดับจนถึง นธ.โท

ต่อมา เจ้าอธิการสิน เจ้าอาวาสวัดไผ่ท่าโพใต้ ได้ลาสิกขา ในปี พ.ศ.๒๔๗๐ (๒๔๗๓) ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกันอาราธนา ให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่ท่าโพใต้ และได้ติดต่อไปทางเจ้าคณะอำเภอโพทะเล เพื่อให้แต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสสืบต่อแทน เจ้าอธิการสิน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่ของเจ้าอาวาส และเจ้าคณะตำบลไผ่ท่าโพ ได้อย่างดีเสมอมา ประกอบด้วยมีเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง ดังจะเห็นได้ว่ามีพระภิกษุ สามเณร และประชาชนเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก ด้วยท่านได้ใช้เมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง ตามหลักแล้วท่านเป็นผู้มีเมตตาธรรมอันสูง

ท่านได้ให้ความรัก และเมตตาต่อคนทั่วไปเสมอเหมือนกัน แม้กระทั่งสัตว์ทั้งหลาย ท่านเคยพูดว่า “ สัตว์เหล่านี้ เมื่อชาติแต่ปางก่อน อาจจะเป็นสังคญาติกันมาก็ได้ ใครจะไปทราบได้ ” และท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัดในเรื่องศีล เป็นอย่างยิ่ง และได้เป็นผู้นำในหมู่คณะสงฆ์ด้วยความประพฤติเป็นแบบอย่าง ดังนั้น ท่านจึงเป็นพระที่พูดน้อย อาศัยความประพฤติ เป็นหลักสอนแก่ คณะศิษยานุศิษย์เป็นที่ตั้ง นับตั้งแต่ท่านได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่อายุ ๒๑ ปี ตราบจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในการอุปสมบท

ตำแหน่งหน้าที่ และสมณศักดิ์

พ.ศ. ๒๔๗๐(๒๔๗๓) ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดไผ่ท่าโพใต้

พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลไผ่ท่าโพใต้

พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์

พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์พัดยศ เป็น พระครูสัญญาบัตรพัดยศ ชั้น ตรี (จต.ชต.)

ในราชทินนาม ที่ พระครูโพธิคุณาธาร

พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้รับแต่งตั้งเลื่อนสมณศักดิ์พัดยศ ชั้น โท (จต.ชท.) ในราชทินนามเดิม

พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับการยกฐานะเป็น เจ้าคณะตำบลไผ่ท่าโพกิตติมศักดิ์

งานทะนุบำรุงปฏิสังขรณ์

๑. ได้เริ่ม เปิดสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ขึ้นเป็นครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๘๐

๒. ได้ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นจนสำเร็จ เป็นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท

๓. ได้สร้างเสนาสนะกุฏิ ต่าง ๆ ขึ้นใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม

๔. ได้สร้างหอสวดมนต์ ๒ ชั้น

๕. ได้สร้างเมรุเผาศพ และ ศาลาธรรมสังเวช เป็นเงินประมาณ ๒๐๐, ๐๐๐ บาท

๖. ได้จัดซื้อที่ดิน และสร้างอาคารเรียน โรงเรียนประชาบาลวัดไผ่ท่าโพใต้ และจัดตั้งกองทุน

“ โพธิคุณาธารสงเคราะห์ ”

สุดท้ายแห่งวาระสังขาร

เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยชราภาพ หลวงพ่อ พระครูโพธิคุณาธาร (พวง) ก็ไม่อาจพ้นไปจากพระไตรลักษณ์ได้เหมือนดังพระบรมศาสดาได้ ท่านได้เริ่มป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับปอด ประกอบด้วยวัยที่ชราภาพ และได้เจ็บป่วยหนักตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะศิษย์ได้นำส่งโรงพยาบาลโรคปอด จ.นนทบุรี เมื่อได้รับการรักษา จนอาการดีขึ้นตามลำดับ จึงได้กลับมายังวัดไผ่ท่าโพใต้ ต่อมาโรคกลับได้กำเริบขึ้น และทำให้มีอาการหนักขึ้น มีสุขภาพร่างกายทรุดลง

ต่อมา หลวงพ่อพวง ได้มรณภาพลง ด้วยอาการอันสงบ ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ เมื่อ เวลา ๑๑.๐๕ น. รวมเวลาที่เจ็บป่วยนับได้ประมาณ ๑๐ เดือนเศษ ท่ามกลางความเศร้าสลด อาลัย ของศิษย์ทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ ต่อการจากไปโดยไม่มีวันกลับของหลวงพ่อพวง ผู้ซึ่งเคยเป็นดังร่มโพธิ์ร่มไทร และให้ความอบอุ่นใจ ด้วยพระเมตตาธรรมของหลวงพ่อพวง อันกว้างใหญ่ สุดที่จะหาประมาณมิได้

รวมสิริอายุได้ ๗๑ ปี ๕๐ พรรษา